จะเป็นอย่างไร เมื่อการจำนำไม่ได้หยุดอยู่แค่การแลกเงินกับ ‘สิ่งของ’
ถ้าพูดถึง ‘การจำนำ’ ทุกคนก็คงจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว และนึกภาพออกว่าคือการส่งมอบสังหาริมทรัพย์ (หรือสิ่งของต่างๆ ซึ่งมักจะเป็นของมีค่า) ให้กับผู้รับจำนำเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงิน และเมื่อชำระหนี้ครบ ก็จะสามารถไถ่นำสิ่งของเหล่านั้นกลับมาได้ แต่ถ้าไม่สามารถจ่ายได้ครบทันเวลา ผู้รับจำนำก็จะนำของนั้นไปใช้ หรือขายทอดตลาดได้ แต่ปัจจุบัน การจำนำนั้น ‘ล้ำ’ ไปกว่าเดิม! นั่นคือการจำนำด้วย ‘iCloud’
ถ้าการจำนำปกติจะต้องนำสิ่งของไปแลก การจำนำ iCloud อาจจะต่างกันออกไปสักหน่อย โดยผู้กู้เงินจะต้องเป็นผู้ใช้ iPhone หรือ iPad เท่านั้น และใช้อุปกรณ์นั้นของตัวเองเป็นหลักประกัน แต่ไม่ต้องนำเครื่องไปทิ้งไว้ให้ผู้รับจำนำแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องเอาบัญชี iCloud ของผู้รับจำนำมาล็อกอินในเครื่องแทน iCloud ของตัวเอง แต่เจ้าของโทรศัพท์ยังสามารถใช้โทรศัพท์ได้ตามปกติ แต่ถ้าไม่จ่ายเงินตามกำหนดเมื่อไร เครื่องก็จะถูกล็อกจากผู้รับจำนำทันที และไม่สามารถใช้งานใดๆ ได้จนกว่าผู้รับจำนำจะเป็นผู้ปลดล็อกให้เท่านั้น ลองสำรวจขั้นตอนของร้านรับจำนำ iCloud ในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม พบว่ามีร้านจำนวนมากให้เลือกสรร ต่างกันที่ยอดเงินสูงสุดที่ปล่อยกู้ และเงื่อนไขต่างๆ ได้แก่
โดยขั้นตอนการกู้สามารถทำผ่านทางออนไลน์ได้เลย โดยผู้จำนำและผู้รับจำนำไม่ต้องมาเจอหน้ากัน เพียงแค่ผู้จำนำแจ้งรายละเอียด ส่งหลักฐานเป็นบัตรประชาชน นำ iCloud ของร้านไปล็อกอินในเครื่องของตัวเอง และรอรับเงินได้ภายใน 5-10 นาที
จากการสำรวจพบว่า ดอกเบี้ยที่ร้านจำนำ iCloud คิดมักจะอยู่ที่ 20% ต่อเดือน หรือ 25% ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็น 240% และ 1,300% ต่อปี ตามลำดับ เช่น
ในขณะที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 654 ระบุไว้ว่า ห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยเกิน 15% ต่อปี ดังนั้นดอกเบี้ยจำนำ iCloud ที่แพงหูฉี่ขนาดนี้จึงขัดต่อกฎหมายอย่างแน่นอน โดยพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 มาตรา 4 หากเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับ iCloud iCash กำหนดให้มีอัตราดอกเบี้ยเรียกเก็บลูกค้าเพียง 1.25% ต่อเดือน หรือ 15% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย
ฟังก์ชันหลักของ iCloud คือการจัดเก็บข้อมูลทุกอย่างของเราบนโทรศัพท์ ทั้งข้อมูลส่วนตัว รูปภาพ อีเมล ไฟล์ ไปจนถึงรหัสผ่านของแพลตฟอร์มต่างๆ และรหัสเข้าแอปพลิเคชันธนาคาร ดังนั้นถ้าหากผู้จำนำล็อกอินด้วยบัญชี iCloud แล้วทำสิ่งต่างๆ ผ่านโทรศัพท์ตามปกติ ข้อมูลเหล่านี้ก็อาจไปบันทึกอยู่ใน iCloud และผู้รับจำนำก็อาจเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดได้ ซึ่งข้อมูลอาจรั่วไหลหรือไปตกอยู่ในมือมิจฉาชีพได้ อย่างไรก็ดี มีผู้แนะนำว่าหากไม่ต้องการให้ข้อมูลถูกบันทึกใน iCloud ก็สามารถตั้งค่าปิดการเชื่อมต่อได้
สำหรับ iCloud iCash นั้น มีขั้นตอนในการปิดซิงค์ข้อมูลทุกช่องทางทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้ รวมถึงการนำระบบงานที่มาตรฐานมาปรับใช้ในทุกขั้นตอนการทำงาน เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าอย่างสูงสุด
นอกจากนั้น การล็อกอินอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยบัญชี iCloud เดียวกัน ยังทำให้ผู้รับจำนำสามารถเข้าถึงพิกัดของผู้จำนำผ่านฟังก์ชัน Find My ได้ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่บ้าน หรือพิกัดสถานที่ที่เดินทางไปล่าสุด จึงมีคนตั้งข้อสังเกตว่าหากผู้รับจำนำต้องการจะทวงหนี้ก็สามารถตามไปทวงถึงที่อยู่ของคนนั้นได้เลย
“ผ่อนครบแล้วแต่ร้านล็อกโทรศัพท์ แล้วไม่ยอมปลดล็อกให้ ทำยังไงดีคะ” ถ้าหากเจอกับผู้รับจำนำทั่วๆ ไป ปัญหาก็คงจบลงเพียงเท่านี้ แต่จากการสำรวจพบว่า มีผู้จำนำจำนวนหนึ่งที่เผชิญปัญหาร้านเรียกเงินเพิ่ม ไม่ยอมปลดล็อกโทรศัพท์ให้
จากกรณีดังกล่าวมีคนทั่วไปเข้ามาแนะนำว่า ควรเจรจากับร้านก่อน หรือแจ้งว่าร้านกำลังทำผิดกฎหมายโดยการเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งผู้จำนำสามารถนำไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อได้
สำหรับ iCloud iCash นั้น มีการนำมาตรฐาน SLA (service level agreement) ข้อตกลงระดับการให้บริการระหว่าง “ผู้ให้บริการ” และ “ลูกค้า” ว่าจะทำการรักษาระดับคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้าตามที่ตกลงกันไว้ ผ่านการตรวจสอบทุกรายการ ทำให้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า จะได้รับบริการที่ดีเยี่ยมจากเรา
แต่ถึงจะมีความเสี่ยงมากมาย คนก็ยังเลือกวิธีการจำนำ iCloud เมื่อต้องการใช้เงินด่วน เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แถมยังสามารถดำเนินการผ่านทางออนไลน์ได้เลย และสำหรับบางคนอาจไม่มีทรัยพ์สินมีค่าอะไรที่จะนำไปจำนำตามปกติได้ การใช้โทรศัพท์ที่มีอยู่แล้วนั้นก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะแลกเงินสดมาใช้งานได้
การยอมนำข้อมูลส่วนตัวและต้องเผชิญความเสี่ยงมากมาย เพื่อแลกมาด้วยเงินหลักพันนี้ อาจสะท้อนถึงปัญหา ‘หนี้เสีย’ ของคนไทย ซึ่งข้อมูลจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) พบว่า ในไตรมาสที่ 1/2557 ข้อมูลหนี้เสียบัตรเครดิตพุ่งกว่า 1 ล้านบัตร คิดเป็นยอดเงินถึง 6.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.6% ซึ่งสำหรับการจำนำ iCloud ก็พบคนจำนวนไม่น้อยที่ออกมาโพสต์ขอวิธีปลดล็อกโทรศัพท์ เพราะไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้เช่นกัน
นอกจากการจำนำ iCloud ปัจจุบันยังปรากฏวิธีการจำนำหรือการหาหลักประกันมากู้เงินที่เราไม่คุ้นเคยกันนักอีกหลายวิธี เช่น การให้ผู้ผู้นำบัตรประชาชนมาเซลฟี่กับร่างเปลือยหรืออวัยวะเพศของตนเอง โดยถ้าไม่จ่ายหนี้ตามกำหนด เจ้าหนี้ก็จะนำภาพไปประจานบนโซเชียลมีเดียของคนคนนั้น
สถานการณ์ที่คนไทยต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อแลกกับการได้เงินมาใช้จ่ายจึงน่าจับตามองว่าจะกระทบต่อวิกฤติทางการเงินของสังคมในภาพรวมด้วยหรือไม่ และจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น เพื่อไม่ให้ต้องมีคนยอมเสี่ยงกับการกู้เงินผิดกฎหมายเหล่านี้อีก
แหล่งที่มาของข่าว : thematter